วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เมื่อโลกเปลี่ยน ... การศึกษาจึงเปลี่ยน




จากอดีตจนถึงปัจจุบัน มีสิ่งต่างๆรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทั้งสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง รวมไปถึงการศึกษาด้วยเช่นกัน สิ่งต่างๆเหล่านี้ใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงไม่นานนัก เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว 



                                      
ในอดีตเรื่องการเรียนการสอน นักเรียนจะได้เรียนกับพระหรือกับครู ครูจะทำหน้าที่สอนและถ่ายทอดความรู้ให้นักเรียนผ่านทางหนังสือเรียนเพียงอย่างเดียว หรือที่เราจะได้ยินกันว่าเป็นการสอนแบบ teacher center  ครูเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ นักเรียนมีหน้าที่รับความรู้จากครูโดยตรง และมีการประเมินผลการเรียนรู้ด้วยการสอบเพียงอย่างเดียว
แต่ในปัจจุบัน ศตวรรษที่ 21 นั้น ครูจะไม่ได้เป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้อีกต่อไป ครูจะต้องสอนแค่ประเด็นที่สำคัญและให้นักเรียนรับความรู้นั้นไปต่อยอดเอง ให้นักเรียนได้มีสิทธิเลือกที่จะเรียนรู้และปฏิบัติตามสิ่งที่ตนเองต้องการ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ หรือที่เรียกว่าเป็นการสอนแบบ child center มีการประเมินผลจากทักษะ และขั้นตอนการทำงาน ไม่ใช่ผลสำเร็จของงานเพียงอย่างเดียว


การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สิ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้คือเทคโนโลยี นักเรียนในยุคนี้มีความชำนาญในการใช้เทคโนโลยีเป็นอย่างมาก สามารถสืบค้นข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว หน้าที่ของครูที่จะต้องเปลี่ยนเป็นสิ่งแรกคือการก้าวให้ทันโลกและทันนักเรียน     ครูควรจะต้องเพิ่มทักษะทางด้านเทคโนโลยีของตนเองและนำทักษะนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเรียนการสอนของตนเองให้มากขึ้น เปลี่ยนที่สองคือเปลี่ยนเป้าหมายจากความรู้ไปสู่ทักษะ นักเรียนเป็นหลักในการเรียนรู้     ได้ฝึกทักษะ ลงมือปฏิบัติ นำเสนอ ทำงานเป็นทีมแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน 
เปลี่ยนสุดท้ายคือเปลี่ยนการวัดและประเมินผล ครูควรมีวิธีการวัดและประเมินผลจากทักษะการปฏิบัติ พัฒนาการ มากกว่าคะแนนสอบหรือผลงานที่สำเร็จเพียงอย่างเดียว



สุดท้าย...แม้ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไปไกลแค่ไหน การศึกษาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่หน้าที่่ที่ไม่เคยเปลี่ยนของครูและเทคโนโลยีก็ไม่สามารถมาแทนที่ได้คือ การให้ความรัก ความเอาใจใส่ กำลังใจต่อนักเรียนทุกคนนั้นยังคงอยู่เสมอและก็คงจะไม่มีวันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
















วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เริ่มเดินทาง...

การเดินทางได้เริ่มต้นแล้วคะ เอ๊ะ เรากำลังจะเดินทางไปไหนกัน หลายคนอาจจะเกิดความสงสัย ? ไม่ใช่การเดินทางแบบการท่องเที่ยวหรอกคะ แต่เป็นการเริ่มเดินทางชิวิตของคนคนหนึ่งที่เกิดในกรุงเทพมหานคร มหานครที่แสนวุ่นวาย !!!

น.ส.อัชฌาภรณ์  ตันติดำรงกุล อ่านว่า [ อัด - ชา - พร ] เป็นชื่อที่ใครหลายคนอาจจะไม่คุ้นเคย จึงมีคนอ่านไม่ถูกต้องซะส่วนใหญ่ ร้อยละ 80 อ่านผิดตลอด จนต้องทำใจ เรียกสั้นๆง่ายๆ " กุ๊ก " เป็นเด็กที่ชอบร่วมกิจกรรมกับโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึงชั้นประถม ขึ้นมัธยมปุ๊บกลายเป็นคนขี้อายทันทีและมันก็ส่งผลมาถึงปัจจุบันซะงั้น 


สมัยยังเป็นเด็กน้อย ^^
จบม.6 สายศิลป์ - คำนวณ โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ จบม.6 ก็เข้าสู่กระบวนการสอบ ไปสอบหมดทุกวิชา !! ไม่เว้นแม้กระทั้ง ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ที่ไม่เคยได้เรียน สุดท้ายเลยมาลงเอยที่ มศว เอกคณิตศาสตร์ กศ.บ. เอกที่ต้องใช้จินตนาการสูงมากๆๆในการเรียน  เพราะมันเป็นนามธรรมมากๆๆๆ เรียนไปร้องไห้ไปเพราะมันยาก ไม่เห็นเหมือนตอนเรียนมัธยม 

เรียนจบแล้ว !!! เพิ่งรับปริญญาไปสดๆร้อนๆ 16 พ.ค. 56 หลังจากรอมานานแสนนาน คุ้มค่ากับการรอมาปีกว่าๆ จบมาสดๆร้อนๆไฟยังแรงอยู่เลยเริ่มต้นทำงานกันเลย !!!!

เริ่มเดินทางอีกครั้ง ... ก้าวแรกของการทำงานเริ่มจากการเป็นครูอัตราจ้างโรงเรียนมัธยม สอนผ่านไปหกเดือน  วันหนึ่งดันไปสอบได้เป็นครูสังกัดกรุงเทพมหานคร เลยได้รับราชการ ได้มาอยู่กับอีกสังคมหนึ่งที่ไม่เคยได้เจอตอนฝึกสอน สังคมของเด็กเล็กๆที่ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา มันยากมากเลยเหอะ!!  แต่เด็กก็น่ารักดี พอจะเป็นแรงใจให้ตอนที่เหนื่อยได้บ้าง ทำให้อยากปูพื้นฐานเด็กให้ดีตั้งแต่ยังเล็กเพื่ออนาคตที่สดใสของพวกเขา ^^

ปัจจุบันเริ่มเดินทางอีกครั้งแล้ว  เรื่องการเรียนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การทดสอบและวัดผลการศึกษา เพราะเห็นว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากในวิชาชีพ มีประโยชน์ ได้ความรู้ แต่เหนื่อยมากจริงๆ แต่ก็ต้องสู้ต่อไป พร้อมกับบอกตัวเองว่า "เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ทำทุกวันให้ดีที่สุด"


เมื่อเราเริ่มต้นเดินทางแล้ว ก็คงจะต้องเดินต่อไปเรื่อยๆ เส้นทางข้างหน้าอาจจะสวยงามหรือขรุขระไม่มีใครรู้ได้ เราสามารถทำได้เพียงเผชิญหน้ากับมันแล้ว "ยิ้มสู้"